หลายคนคงแปลกใจถ้าหากจะบอกว่าตามจริงแล้วทั้งวิทย์ และ ศิลป์ นั้นเป็นของคู่กัน!
“เรียนสายวิทย์สิจะได้เข้าได้หลายคณะ”
“เรียนศิลปะทำไมจบไปจะทำอะไรกิน”
น้อง ๆ หลายคนคงประสบกับปัญหารักพี่เสียดายน้องเลือกไม่ได้ระหว่างสายวิทย์หรือสายศิลป์ดี หลายคนคงเคยได้ยินประโยคข้างบนจากคนรอบตัว ชีวิตที่ยืนอยู่บนทางแยกคงสับสนอยู่ไม่น้อยว่าทางไหนคือทางที่ใช่
คงไม่มีใครไม่รู้จัก ‘เลโอนาร์โด ดาวินชี (Leonardo da Vinci)’ ศิลปินชื่อก้องโลก ผู้ที่มีความสามารถทั้งทางวิทย์และศิลป์ โดยเขาได้ใช้ความสามารถทั้งสองด้านในการสร้างสรรค์ผลงานระดับตำนาน
หรือแม้กระทั่งศิลปินผู้ยิ่งใหญ่ ‘ไมเคิลแองเจโล (Michelangelo)’ ก็ได้นำความรู้ทางคณิตศาสตร์ สถาปัตยกรรม มาผสมผสานกับศิลปะ กลายเป็นส่วนผสมของผลงานชิ้นโบว์แดงมากมายประดับโลก
จากตัวอย่างที่กล่าวมาผลงานมากมายคงไม่สามารถเกิดขึ้นได้หรือคงไม่สมบูรณ์แบบหากไม่มีส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างศาสตร์และศิลป์
ไม่ใช่แค่ในอดีตเท่านั้นในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความเครียด ความกดดัน การแข่งขัน
แต่น้อง ๆ หลายคนรู้หรือไม่? อาชีพที่ดูเหมือนจะเป็นคนละขั้วกับศิลปะ อย่างหมอ และวิศวกร หันมาให้ความสำคัญและสนใจมาเรียนศิลปะจำนวนมาก ศิลปะ กลายเป็นหนึ่งในทางเลือกที่เป็นตัวช่วยในการปรับสมดุลหรือมีศิลปะเป็นงานอดิเรก เรียกได้ว่าศิลปะเข้ามาเติมเต็มให้ชีวิตสมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
Workshop ศิลปะไม่ใช่มีเพียงการวาดภาพเท่านั้นแต่ยังมีสีน้ำ สีอะคริลิก สีน้ำมัน สีชอล์กน้ำมัน ที่เป็นทางเลือกตามความสนใจของแต่ละคน
สุดท้ายแล้วทั้งวิทย์และศิลป์ทั้งสองต่างขับเคลื่อนกันและกันอย่างไม่สามารถละทิ้งสิ่งใดสิ่งหนึ่งไว้ข้างหลังได้ และก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่ามนุษย์ไม่สามารถละทิ้งศิลปะได้เพราะศิลปะได้หล่อเลี้ยงชีวิตมนุษย์มาตั้งแต่ในอดีต ปัจจุบันและอนาคต
บทความโดย: พินทุพร ทิพย์พญาชัย, มัลลิกา โลหะประภากุล
ภาพประกอบโดย: พัชรี ศรีชื่น
Comments