ในวัยเด็กสมองซีกที่มีอิทธิพลกับช่วงวัยนี้อย่างมากคือสมองซีกขวา เป็นซีกที่ทำให้เด็กได้ใช้จินตนาการ ความจำ และความคิดสร้างสรรค์ หากเด็กได้รับการพัฒนาที่ดีก็จะยิ่งทำให้สมองทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงความคิดสร้างสรรค์ก็จะต้องนึกถึงการเรียนศิลปะ การให้เด็กเรียนศิลปะจึงทำให้เด็กได้ใช้จินตนาการ คิดนอกกรอบ หรือลองอะไรใหม่ ๆ และและส่งเสริมให้ได้ใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างไร้ขอบเขต แต่รู้ไหมว่าการเรียนศิลปะไม่ได้ช่วยให้เด็ก ๆ พัฒนาแค่ด้านความคิดสร้างสรรค์เท่านั้น แต่ยังช่วยพัฒนาในด้านอื่น ๆ อีกด้วย
ด้านการใช้กล้ามเนื้อ
แน่นอนว่าการทำงานศิลปะไม่ว่าจะเป็นการจับพู่กันเพื่อระบายสี การปั้นดินนำมันขึ้นมาเป็นรูปร่าง หรือแม้แต่การฉีกกระดาษเพื่อนำไปติดในงานของตนเองก็ล้วนแต่ใช้กล้ามเนื้อทั้งนั้น การทำงานศิลปะจึงเป็นการบริหารกล้ามเนื้อที่ดีสำหรับเด็ก ๆ
ด้านทักษะการสื่อสาร
การเรียนศิลปะทำให้เด็ก ๆ ได้มีปฏิสัมพันธ์ทั้งต่อเพื่อน และผู้สอน เป็นการช่วยพัฒนาการเข้าสังคม อีกทั้งการสื่อสารไม่เพียงแต่สื่อสารด้วยการพูดคุยเท่านั้น แต่เป็นการสื่อสารโดยใช้รูปวาดหรือผลงานศิลปะ เพราะก่อนที่เด็ก ๆ จะสื่อสารผ่านการพูดคุยได้เป็นอย่างดี การถ่ายทอดอารมณ์ ความรู้สึกนึกคิดผ่านผลงานศิลปะของตนเองนั้นก็ทำให้เราได้รู้ความคิดของเด็ก ๆ ได้
ด้านทักษะการแก้ปัญหา
การทำงานศิลปะเป็นการสร้างอะไรบางอย่างขึ้นมาจากที่ไม่มีอะไรเลย การสร้างสรรค์งานขึ้นมาจึงต้องใช้การคิดอย่างเป็นระบบ แก้ปัญหาจากสิ่งต่าง ๆ รอบตัว การเรียนศิลปะจึงช่วยฝึกกระบวนการคิดให้เด็ก ๆ หาคำตอบด้วยแนวทางที่หลากหลาย
ด้านการฝึกสมาธิ
การเรียนศิลปะช่วยทำให้เด็ก ๆ มีสมาธิมากขึ้น เพราะการทำผลงานศิลปะต้องมีจิตใจที่จดจ่อกับงานที่ทำอยู่ เพื่อให้งานออกมาเสร็จเรียบร้อยตามที่ต้องการ และจะช่วยพัฒนาให้มีสมาธิกับการทำสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตได้
ด้านการเคารพตนเอง หรือความเชื่อมั่นในตนเอง
หากบรรยากาศของการเรียนคือการให้เด็ก ๆ ได้ทำงานศิลปะขึ้นมา และมีการพูดคุยเกี่ยวกับงานศิลปะของตนเองอย่างเปิดกว้าง ไม่มีกฎเกณฑ์มาบังคับ ก็จะทำให้เด็กกล้าที่จะทำในสิ่งที่ตนอยากทำ และทำให้เด็ก ๆ มีความมั่นใจที่จะแสดงความคิดสร้างสรรค์ เชื่อมั่นในผลงานของตนเอง และหากเด็ก ๆ ทำผลงานนั้นออกมาได้สำเร็จก็จะยิ่งมีความภาคภูมิใจที่ได้สร้างสรรค์งานออกมา
Comments